080-5519598 (คุณแก้ว) plarnkhoi@hotmail.com
Select Page

icon_001

ผู้คนในชุมชนส่วนมากจะละทิ้งครอบครัวไปทำมาหากินยังต่างถิ่น หรือในกรุงเทพฯ ทำให้เกิดปัญหาสังคมตามมา เช่น
ปัญหาการอพยพแรงงานเข้าเมือง , ปัญหาการหย่าร้าง ดังนั้น ทางมูลนิธิฯ จึงสร้างศูนย์ปากท้องขึ้นเพื่อให้คนในชุมชนมีงานทำ

“สร้างชีวิตความเป็นอยู่อย่างยั่งยืน

บนพื้นฐานเศรษฐกิจพอเพียง”

ศูนย์ปากท้อง_

 บนพื้นที่ ของศูนย์ฯ นี้ ได้ปลูกพืชผลทางการเกษตรเพื่อนำมาดำรงชีพให้กับทุกชีวิตในศูนย์ฯ แห่งนี้ โดยทุกขั้นตอนการปลูก

จะอาศัยธรรมชาติในการเจริญเติบโตของพืชผล ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงและสิ่งมีพิษทุกชนิด ทำให้พืชผลทางการเกษตรที่ได้มาปลอดสารพิษ
เป็นไร่นาสวนผสม เป็นศูนย์การเรียนรู้เกษตรเพื่อชีวิตที่ไม่ได้ทำเพื่อธุรกิจ เน้นชีวิตที่พอเพียงปลูกพืชผลให้ตนเองมีอยู่มีกิน

ผักผลไม้

เพราะหลักการเกษตรที่นี่คือ

“ทำอยู่ ทำกิน ทำทาน ทำเพราะธรรม

ทำเพื่อมรรคผลของชีวิต มิใช่เพื่อผลประโยชน์หรือผลงาน”

นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอย่างอื่นอีก เช่น
1.กลุ่มอิฐบล็อกประสาน
2.กลุ่มพลังงานธรรมชาติ

ซึ่งล้วนแต่เป็นการดึงเอาศักยภาพ ผลผลิต และวัตถุดิบที่มีในท้องถิ่นมาเป็นตัวกำหนด ความหลากหลายในอาชีพตามความถนัดจึงเกิดขึ้นเพื่อรองรับชาวชุมชน
ให้มีงานทำเพื่อมีรายได้เพียงพอสำหรับแต่ละครอบครัว แก้ปัญหาครอบครัว ปัญหารายได้ ปัญหาชุมชน
ไปพร้อมๆ กับ การพัฒนาคุณภาพชีวิตและจิตใจของคนในชุมชน

icon_002

กิจกรรมต่างๆ ภายในศูนย์พลาญข่อย เช่น
1.กลุ่มอิฐบล็อกประสาน ได้แก่ อิฐบล็อก
ทำจากดินลูกรัง นำมาบด ผสมทรายและปูน สามารถนำมาใช้กับงานก่อสร้างบ้านเรือน
กำแพง ถังเก็บน้ำ เมรุ ฯลฯ มี 2 ชนิด คือ ชนิดตรง และ ชนิดโค้ง (ใช้สร้างถังเก็บน้ำแบบโค้ง)

อิฐบล็อก-new

icon_003

ถ่านใบชา

กลุ่มพลังงานธรรมชาติ ได้แก่ ถ่านใบชา, น้ำส้มควันไม้
ถ่านดูดกลิ่น ทำจากถ่านไม้ไผ่ผสมใบชา และอัดก้อน
มีคุณสมบัติพิเศษ ช่วยดูดกลิ่นอับที่ไม่พึงประสงค์ต่างๆ ทั้งในตู้เย็น ห้องน้ำ ตู้เสื้อผ้า ไมโครเวฟ ในรถยนต์ ฯลฯ
ราคากล่องละ 35 บาท (มีจำนวน 2 ก้อน)

ถ่าน_new


น้ำส้มควันไม้ 

น้ำส้มควันไม้ นำมาผสมน้ำเพื่อป้องกันแมลงและศัตูพืช ป้องกันเชื้อรา
เป็นปุ๋ยชีวภาพ เร่งดอกและใบ ถ้าไม่ผสมน้ำสามารถใช้ไล่ปลวก มด ได้
ราคาลิตรละ 120 บาท

product16

ติดต่อสั่งซื้อได้ทันที

ท่านใดที่ต้องการซื้อสามารถติดต่อ ซื้อได้ที่ 080-551-9598 (คุณแก้ว)
ติดต่อผ่านทาง facebook ที่ fb คุณแก้ว
ติดต่อผ่านทาง Line Id : line_
หรือ อีเมลแจ้งชื่อ ที่อยู่ จำนวนที่สั่งซื้อมาที่ plarnkhoi@hotmail.com
โอนเงินมาที่ ชื่อบัญชี นส.คีย์ ตั้งวงษ์ไชย และ/หรือ นส.แก้วทิพย์ รัตนไวโรจน์ เพื่อศูนย์พลาญข่อย
ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาย่อยช่องเม็ก เลขที่บัญชี 896-209468-0

icon_004

บทความนี้เรียบเรียงจากประสบการณ์ของคุณบัญชา ตั้งวงษ์ไชย ที่ได้รู้-ได้เห็น-ได้สัมผัส จากความจริงของชีวิต
ทุกอย่างที่นำเสนอ คือ ความเป็นจริงที่เกิดขึ้น โดยใช้สายตา ที่มองภูเขาเป็นภูเขา มองแม่น้ำเป็นแม่น้ำ
(ไม่ใช่แหล่งทรัพยากรและพลังงาน) ขอให้ท่านอ่านบทความนี้ อย่างผ่อนคลายทำใจให้เบิกบาน สิ่งใดที่อาจเกิดประโยชน์ได้
ขอให้เก็บไปไม่สงวนลิขสิทธิ์ สิ่งใดที่ยังรับไม่ ก็อย่าเก็บไปใส่ใจเพราะจะทำให้ทุกข์

ประสบการณ์และคำตอบของชีวิต

ประสบการณ์ 40 ปี (2493-2533) ที่ผู้เขียนได้ใช้ชีวิตอยู่ในขบวนการแข่งขันเสรีนี้โดยเฉพาะช่วงท้าย ๆ 7 ปี (2526-2533)
ได้มีโอกาสไปใช้ชีวิตอยู่สหรัฐอเมริกา ซึ่งถือได้ว่า เป็นเจ้าลัทธิธุรกิจแข่งขันเสรีนิยม ได้ลิ้มรส ได้สัมผัสสังคมต้นตำรับที่มีความพร้อม
มีกำลังในทุกๆ ด้าน พอเพียงต่อการสนองตอบลัทธิความเชื่อที่ได้ตั้งโจทย์ ไว้อย่างเต็มรูปแบบทุกอย่างทุกขบวนการดำเนินไป
อย่างมีประสิทธิภาพโปร่งใส-มีเหตุมีผล มุ่งสู่เป้าหมายอย่างชัดเจน แต่ผู้เขียนเองยังมองไม่เห็นว่า
“ลัทธิความเชื่อนี้ จะเกิดผลสำเร็จได้” เพราะคำว่า

สำเร็จ แปลว่า เสร็จแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรที่จะต้องแก้ไขอีก คือ หยุดแล้ว

แต่โจทย์ที่ตั้งไว้ คือ เจริญเติบโต มั่นคง นั่นมันไม่มีขอบเขตจำกัด จึงไม่มีวันเสร็จ

เจริญ คือ มีมากขึ้น เติบโต คือ ยิ่งใหญ่ขึ้น ซึ่งไม่ได้แปลว่า มั่นคง

เช่น ชายผู้หนึ่งเปิดร้านขายก๋วยเตี๋ยว วันหนึ่งขายได้ประมาณ 1,000 บาท มีอยู่มีกินมีเลี้ยงลูกปิดร้านบ่ายสามโมง
มีเวลาตีขิมร้องเพลง จิตใจสงบนิ่ง ไม่มีกังวลเพราะปราศจากหนี้สิน พอระบบธุรกิจนิยมเข้ามาแทรกแซง ถูกกระตุ้นให้
แข่งขันเพื่อมุ่งสู่ความเจริญเติบโตมั่นคงไปกู้เงินธนาคารมาขยายร้าน เป็นภัตตาคารใหญ่โต กิจธุระมากขึ้นขายวันละ
หลายหมื่นบาท เที่ยงคืนก็ยังไม่ได้นอน ต้องหมุนเงินให้พอค่าใช้จ่ายเจ้าหนี้ก็ตามทวง จิตใจที่เคยสงบนิ่ง
กลับกลายเป็นความว้าวุ่นกังวลใจ ความมั่นคงทางการค้าที่เคยเป็นกลับกลายเป็นความเปราะบางทางธุรกิจ

ความมั่นคง ไม่ควรแปลว่า เจริญเติบโต
ดังนั้น จำเป็นจริงๆ หรือ ? ที่…
ต้องผ่านขบวนการแข่งขัน มีได้มีเสียก่อนจึงค่อยดำรงชีวิตอยู่ได้
ต้องเล่นเกมธุรกิจ เพื่อให้เจริญเติบโตมั่นคงก่อน จึงจะมีความสุข
ต้องละทิ้งความเป็นคนจน มุ่งสู่ความเป็นคนรวย จึงจะมีความสุข
ต้องละทิ้งความเป็นคนธรรมดา มุ่งสู่ความเป็นคนมีชื่อเสียง จึงจะมีความสุข
ต้องละทิ้งความเป็นคนไม่เก่ง มุ่งสู่ความเป็นคนเก่ง จึงจะมีความสุข

จน แปลว่า ไม่มี มิใช่ทุกข์

รวยแปลว่า มีเยอะ มิใช่สุข

ชนะ แปลว่า ไม่แพ้ มิใช่สุข

เจริญ แปลว่า มีมากขึ้น มิใช่สุข

เติบโต แปลว่า ยิ่งใหญ่ขึ้น มิใช่สุข

เก่ง แปลว่า รู้มาก มิใช่สุข

ความสุขที่แท้จริง คือ ความไม่มีทุกข์

ความไม่มีทุกข์ที่แท้จริง คือ ความอิสระ

 นี้คือ คำตอบที่ผู้เขียนมีให้กับตัวเอง และได้ใช้เวลาอยู่ประมาณครึ่งค่อนปี ชำระล้างสายใยความ ผูกพันต่างๆ ละทิ้งความเป็นนักสู้
นักธุรกิจ ลาออกจากความเป็นชาวเมือง กลับคืนสู่ภูมิลำเนาบ้านเกิดเมืองนอน ดำเนินชีวิตตามภาษานกกระจิบตัวเล็กๆ ซึ่งทำรังแต่พอตัว
จากความเป็นชาวเมือง กลับมาสู่ความเป็นชาวจักรวาล ที่กว้างใหญ่ไพศาล 7 ปี ที่ผู้เขียนและครอบครัว ดำรงชีวิตเป็นชาวเกษตรเพื่อชีวิต
(พ.ศ. 2533-2540) เป็นชาวบ้าน เป็นชาวจักรวาล ได้เกิดคำตอบซึ่งเป็นสัจธรรมชีวิตมากมาย จากคำตอบซึ่งเกิดจากคำถามของตัวเอง
จากคำตอบซึ่งเกิดขึ้นเองโดยประสบการณ์ จากคำตอบซึ่งเกิดขึ้นจากคำถามของผู้คนมากหน้าหลายตาที่ผ่านเข้ามาเยี่ยมเยียน

เกษตรเพื่อชีวิต เศรษฐกิจพอเพียง

การเกษตรเพื่อชีวิต เปรียบเสมือนการเปิดประตูบานใหญ่ เข้าไปสู่โลกจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ไม่มีขอบเขตจำกัดการเกษตร
เป็นขบวนการผลิตปัจจัยสี่ นั่นคือ อาหาร ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม ยารักษาโรค เป็นปัจจัยขั้นพื้นฐานซึ่งมีความจำเป็นในการดำรงชีวิต
ของมนุษย์
การเกษตรเพื่อชีวิต มิใช่เพื่อธุรกิจหลักการ ทำมาหากิน มิใช่ทำมาหาขาย ทำอยู่ ทำกิน ทำทาน เพื่อมรรคผลของชีวิต
เหตุผล ทำเพราะธรรม
วิธีการ ดำรงชีวิตแบบครอบครัวใหญ่ รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ร่วมแรงร่วมใจสามัคคี สร้างปัจจัยสี่ให้สมบูรณ์
หลีกเลี่ยงสารเคมีจรรโลงรักษาสิ่งแวดล้อม และศีลคือวินัยของเรา
เป้าหมาย เพื่อความอยู่ดีกินดีอย่างพอเพียงของสมาชิก
ส่วนเกินช่วยเหลือผู้ด้อยโอกาส
สถานที่ ไร่แหลมทอง 77 หมู่ 2 ต.โนนก่อ อ.สิรินธร จ.อุบลฯ 34350

มนุษย์เรา ใช้ปากกิน ก็จะมีกระเพาะลำไส้ มารองรับจนอิ่ม หรือเต็มแล้ว ก็ต้องหยุดกิน ระบบธรรมชาติควบคุมกันอยู่อย่างอัตโนมัติ
แต่ถ้า ใช้หน้าตากิน ไม่มีอะไรมารองรับ ก็ไม่รู้จักอิ่มจักเต็ม คำว่า พอ คงไม่เกิดขึ้น ตลอดชีวิต จึง ต้องทำ-ต้องสู้ เพื่อให้หน้าตามันเกิน

เกษตรเพื่อชีวิต มิใช่เพื่อธุรกิจ

เกษตรเพื่อชีวิต เป้าหมาย ทำเพื่อชีวิต

ทุกสาขาอาชีพก็ทำเพื่อชีวิต เพียงแต่ความเคยชินทำให้เข้าใจว่า ต้องเจริญเติบโตมั่นคงทางเศรษฐกิจ และต้องผ่านขบวนการแข่งขัน
เพื่อชนะชีวิตจึงจะสมบูรณ์ เป็นการยอมรับในเป้าหมายเหมือนกันคือ เพื่อชีวิต แต่ การมองชีวิตไม่เหมือนกัน จึงมีหลักการที่แตกต่างกัน
เกษตรเพื่อชีวิต มิใช่เพื่อธุรกิจ เป็นโจทย์ซึ่งถูกตั้งไว้ เพื่อเตือนสติ และเป็นเกราะป้องกันไม่ให้ระบบ ธุรกิจเข้ามาแทรกแซง เพราะ
ระบบธุรกิจมีเครือข่ายโยงใยเป็นขบวนการ เป็นบ่อเกิดของ

• ความแตกแยก,
• ไม่อิสระ,
• เป็นตัวพัฒนา กิเลส,
• เป็นตัวที่ทำให้ผู้คนเห็นแก่ตัว
• เป็นตัวที่ทำให้มนุษย์ด้วยกันต้องอยู่ด้วยกันอย่างหวาดระแวง,
• เป็นตัวทำลาย ระบบเศรษฐกิจ-สังคม-การเมือง,
• เป็นตัวทำลายระบบครอบครัว,
• เป็นตัวทำให้มนุษย์หลงทางชีวิต,
• เป็นตัวทำให้ มนุษย์กลายเป็นนักการทำงานซึ่งเป็นกลไกส่วนหนึ่งของระบบธุรกิจจนลืมชีวิต,
• เป็นตัวทำให้เกษตรกรละทิ้งความเป็นผู้มีโอกาสกลายเป็นทาสทางเศรษฐกิจ,
• เป็นตัวทำให้มนุษย์ลืมความเป็นธรรมชาติเผ่าพันธุ์,
• เป็นตัวทำให้ ความจนเกิดขึ้นในสังคมมนุษย์เพราะความอยากรวย,
• เป็นตัวทำให้พ่อแม่ต้องอบรมให้ลูกละทิ้งพ่อแม่เพื่อวิ่งตาม ความเจริญเติบโต,
• เป็นตัวทำให้ระบบการศึกษาต้องเน้นสอนให้เป็นคนเก่ง ไม่เน้นสอนให้เป็นคนดี,
• เป็นตัวทำให้ เกิดความไม่มั่นคง เพราะเกมธุรกิจมีได้ มีเสีย ความแน่นอนไม่มี ผลเสี่ยงมีสูง ทำให้ผู้เล่นเกิดความกังวลห่วงใย
จิตไม่สงบนิ่ง ยากที่จะทำให้เป็น “สัมมาอาชีวะ”

เกษตรเพื่อชีวิต เป็นอาชีพสุจริต (สัมมาอาชีวะ) เป็นนายของตัวเอง มีอิสรเสรี มีตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ปราศจากพันธนาการต่างๆ
ไม่ฝากอนาคตไว้กับสภาวะตลาดที่ไม่แน่นอน จึงปฏิเสธที่จะเอาชีวิตผู้คนไปผูกติดกับ เกมธุรกิจ

หลักคือ ทำอยู่ ทำกิน ทำทาน มิใช่เพื่อ ผลประโยชน์ ผลผลิต ผลมะม่วง ผลมะขาม ผลสับปะรด หรือเพื่อผลงาน

ทำมาหากิน มิใช่ทำมาหาขาย

มิได้หมายความว่า ทำเพื่อขายนั้น เป็นเรื่องไม่ดีทั้งหมด แต่เน้นให้เป็นเรื่องรอง เพราะ ทำมาหากิน มีกินแน่นอน
แต่ทำมาหาขายจะมีเหลือกินหรือไม่ อยู่ที่ขายมีกำไรหรือเปล่า ถ้า มีกำไรก็มีเหลือกิน ถ้าไม่มีกำไรก็ต้องกู้หนี้ยืมสินมาซื้อกิน

เราต้องยอมรับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น ในตลาดการซื้อขายผลผลิตการเกษตรบ้านเรา ยังไม่มีคุณธรรม ผลเสี่ยงสูง
ความแน่นอนไม่มีเกษตรกรเปราะบางเกินกว่าจะมาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย เพราะสิ่งสำคัญที่สุด คือ การดำรงชีวิต

เกมธุรกิจในยุคนี้ ถูกพัฒนาไปอย่างเร่าร้อนรุนแรง มันมีวิชามารแฝงอยู่ในระบบ อย่าว่าแต่เกษตรกรที่
ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลย ที่กลายเป็นทาสมัน “ผู้รู้” ซึ่งเรียนถึงปริญญาโท-ปริญญาเอก ก็ต้องล้มลุกคลุกคลาน เพราะ
ฤทธิ์ของธุรกิจ ก็มีให้เห็นอยู่มากมาย สุดท้าย แพ้ก็เจ็บ ชนะก็เจ็บ

วิธีการดีแค่ไหนก็ไม่ดี ถ้าคนทำไม่ดี

คนทำดีแค่ไหนก็ไม่ดี ถ้าเป้าหมายในการทำไม่ดี

เป้าหมายในการทำดีแค่ไหนก็ไม่ดี ถ้าวิธีการทำไม่ดี

ถ้าเกษตรกรยอมรับในความไม่รู้ของตัวเองว่า เราไม่รู้เรื่องธุรกิจ เราชกมวยไม่เป็น ก็ไม่ต้องไปเล่นเกมธุรกิจ
และไม่จำเป็นต้องไปชกมวยก็ไม่ต้องเจ็บตัว เราเปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ แต่เราเปลี่ยนตัวเองได้ เพราะ

คนไม่รู้ ก็คือ คนไม่รู้ มิใช่คนโง่
คนโง่ คือ คนไม่รู้แล้วอวดรู้ หรือรู้แล้วก็ยังขืนทำสิ่งที่ผิด ให้ตัวเองและผู้อื่นเดือดร้อน

เกษตรเพื่อชีวิต ยอมรับในความเป็น ผู้ไม่รู้ แล้วถอยกลับไปอยู่กับความเป็นจริง ตามวิถีทางของนก กระจิบนกกระจอกตัวเล็กๆ
ทำรังแต่พอตัว พอใจในสิ่งที่มีอยู่ ทำตัวให้เป็นประโยชน์ โดยไม่ทำให้ตัวเองเป็น ภาระของสังคม

ชาวชนบทไทย ตั้งแต่โบราณกาล ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา พ่อ แม่ พี่ น้อง ดำรงชีวิตร่วมกัน แบบครอบครัวใหญ่
ดูแลซึ่งกันและกัน ตั้งแต่เกิดจนตาย รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ทำการเกษตร ตามฤดูกาล

อยากกินอะไร….ก็ปลูกมากิน อยากอยู่อย่างไร…ก็ปลูกก็สร้างมาอยู่ ตามกำลังแรงงานที่ครอบครัวมีอยู่ ไม่มีหนี้สิน
ลงแรงไม่ลงทุน ไม่มีต้นทุน-ไม่มีกำไร-ไม่มีขาดทุน-ไม่มีราคา มีแต่คุณค่าทางชีวิต ทุกคนทำหน้าที่ ตามธรรมชาติ
ได้อยู่- ได้กิน-ได้ทาน มีความสุขตามอัตภาพ ซึ่งเป็นหลักพื้นฐานของการดำรงชีวิต

เกษตรเพื่อชีวิต จึงปฏิเสธที่จะร่วมขบวนการเล่นเกมธุรกิจแข่งขันเสรี เพราะมิใช่เกมที่เหมาะกับเผ่า พันธุ์ไทย ที่ดำรงชีวิตแบบครอบครัวใหญ่
ถึงเวลาหรือยัง…ที่จะเอากระจกส่องดูตัวเองว่า “เราคือนกพันธุ์ไหน เหมาะที่จะดำรงชีวิตอย่างไร”

แค่ขยันขันแข็ง ก็เพียงพอ

ดิ้นรนขวนขวาย มากไป

อยู่เย็นเป็นสุข ก็เพียงพอ

มั่งมีศรีสุข มากไป

Downloadหนังสือเกษตรเพื่อชีวิต