080-5519598 (คุณแก้ว) plarnkhoi@hotmail.com
Select Page

icon001

icon002

icon003

icon004

โปรแกรมที่ 1 เตรียมพร้อมร่างกาย จิตใจ

แบ่งเป็น 5 ขั้นตอน รวม 1 ชั่วโมง แต่ละขั้นตอนจะมีระฆังเตือน 1 ครั้ง เมื่อเสียงระฆังเตือน 3 ครั้ง คือหมดเวลา

ขั้นตอนที่ 1 ยืนสั่นสะเทือนไปทั่วร่างกาย

ผ่อนคลายร่างกายสร้างแรงสั่น สะเทือนขึ้น ตั้งแต่ มือ เท้า ร่างกายจนถึงศีรษะ เมื่อคลายความตรึงเครียดของร่างกายโดยองค์รวม เริ่มจากสมองสั่งการจนเข้าไปในจิตแล้ว ปล่อยให้จิตดำเนินไปเอง กายจิตเป็นหนึ่งเดียว ตั้งมั่นนิ่งอยู่กับการสั่นสะเทือน ผู้สั่นไม่มี สิ่งที่ถูกสั่นก็ไม่มี มีแต่อาการสั่นสะเทือน ความรู้สึกทั้งหมดไปอยู่ที่แกนกลางของชีวิต คือ จิตสำนึกเป็นศูนย์กลางระหว่างกาย กับ จิตใต้สำนึก แรงสั่นสะเทือนนอกจากเป็นการกระตุ้นเซลในร่างกายให้ตื่นขึ้นแล้ว ภูมิคุ้มกันโรคโดยธรรมชาติก็ฟื้นขึ้น ทำให้สติเร็วขึ้น สมาธิมีกำลังมากขึ้น เพราะรูปนามเกิดดับเร็วมาก เราต้องมีสติที่เร็วกว่า และมีกำลังของสมาธิ ที่มากกว่าแรงกระทบของรูปนาม

ขั้นตอนที่ 2 ยืนเปล่งเสียงดังๆที่ไม่ใช่ภาษามนุษย์

เพื่อกระทุ้งสัญญาต่างๆ ที่บันทึกไว้ในจิตสำนึก ดีใจก็เก็บไว้ เสียใจก็เก็บไว้ อยากพูดอะไร อยากบ่นอะไร บางทีก็ไม่กล้าแสดงออกมา เพราะติดสมมุติบัญญัติ ประเพณี วัฒนธรรมต่างๆ กลายเป็นขยะนอนเนื่องที่ฝังลึกอยู่ในจิตสำนึก พัฒนาไปสู่ความเครียดทำให้ภูมิคุ้มกันโรคตามธรรมชาติอ่อนแอ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็เข้าเบียดเบียน ขยะชีวิตนี้เขาอยู่ลึกมาก พลังจิตไม่พอจึงต้องใช้พลังกายช่วยกระทุ้ง กระแทกโดย ให้เปล่งออกมาเต็มที่ในรูปของเสียงที่มิใช่ภาษามนุษย์ ปลด ปล่อยตัวเองให้อิสระจากพันธนาการต่างๆ อารมณ์ต่างๆ ที่ไหลออกมาสักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่ต้องพิจารณา ไม่ต้องตัดสิน รู้เฉยๆ

ขั้นตอนที่ 3 ยืนร่ายรำหรือแสดงท่าทางไปตามเสียงดนตรี

ปล่อยวางหัวโขนต่างๆ ชั่วคราว คืนอิสรภาพให้กับชีวิตเรา เต้นร่ายรำไปด้วยจิตว่าง ว่างจากพันธนาการทั้งปวง เฉลิมฉลองกับอิสรภาพที่ได้คืนมา กิเลสความเคยชินจะต่อต้านไม่ให้ดำเนินไป เราต้องมีความตั้งมั่น สงบนิ่งอยู่กับการเคลื่อนไหว สติตื่นรู้ ระวังเฝ้ามอง ต้องรู้เท่าทันกิเลส และฝืนความเคยชินเดิมให้ได้ ปลดปล่อยตัวตนและความเคยชิน จิตกายเป็นหนึ่งเดียว ผู้รำไม่มี สิ่งที่ถูกรำไม่มี มีแต่การรำ รำด้วยความว่าง ว่างจากพันธนาการทั้งปวง

ขั้นตอนที่ 4 นั่งโยกตัวเบาๆไปตามเสียงดนตรี

ขาขวาทับขาซ้าย ผ่อนคลายร่างกาย ร่างกายโยกไหวหมุนวนไปตามเสียงดนตรี กายจิตเป็นหนึ่งเดียว กายไม่มี จิตไม่มี มีแต่การหมุนวน อารมณ์และความคิดต่างๆ เกิดขึ้น สักแต่ว่ารู้ สักแต่ว่าเห็น ไม่พิจารณาไม่ตัดสิน ลิ้มรสความสุขซึ่งเกิดจากความว่าง ว่างจากอารมณ์ทั้งปวง ความสุขมีอยู่แล้วเต็มเปี่ยม ไม่ต้องไปแสวงหาที่ไหน แค่ปล่อยวางความทุกข์ ความสุขก็แสดงตัว ความสุขที่แท้จริงคือความไม่มีทุกข์ ความไม่มีทุกข์ที่แท้จริง คือความอิสระ

ขั้นตอนที่ 5 นอนลงเหมือนตายอย่างฉับพลัน

เมื่อได้ยินเสียงระฆัง ล้มหงายลงอย่างฉับพลันเป็นอาการคล้ายเราได้ตายแล้วอย่างฉับพลัน
ผู้คนได้นำร่างที่ไร้วิญญาณของเราโยนลงไปในแม่น้ำ จิตซึ่งมิได้เตรียมความพร้อมที่จะตาย
รู้สึกทุกข์มากและยังทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยวางกายภาพนี้ จิตซึ่งมิได้เตรียมความพร้อมที่จะตาย
รู้สึกทุกข์มากและยังทำใจไม่ได้ที่จะปล่อยวางกายภาพนี้ ยังติดตามเฝ้ามองกายภาพที่
ปราศจากวิญญาณ และเคลื่อนไหวไม่ได้นี้ ไหลไปตามลำน้ำ ลูกก็ยังเล็กอยู่กิจกรรมหน้าที่
การงาน ภาระหน้าที่ต่าง ๆ ก็ยังไม่สำเร็จ พยายามจะขยับเขยื้อนร่างกายนี้ก็เคลื่อนไหว
ไม่ได้แล้ว ชีวิตเราหมดลงแค่นี้จริงๆ หรือ เราไม่น่าใช้ชีวิตอย่างประมาทเช่นนี้เลย
เราไม่เคยเตรียมความพร้อมให้กับจิตใจตนเองเลย เราใช้เวลาทั้งหมดของฉันไปสร้างแต่
วัตถุนอกกายจนลืมชีวิตตัวเอง เราหมดโอกาสแก้ตัวแล้วหรือนี่ เราทุกข์มากจิตวิญญาณ
ของเราคงต้องไปสู่ทุกคติภูมิอย่างแน่นอน เราไม่น่าผิดพลาดเลย

เด็กทารกคนหนึ่งเกิดออกมาวันแรก สิ่งแรกที่กระทำ คือร้องไห้ สัญชาติญาณ คือญาณรู้
ซึ่งเป็นสัญญาเดิมในอดีตชาติ เขาจำได้หมายรู้ว่า จากนี้ไปเราทุกข์แล้ว เราต้องเผชิญ
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย อีกแล้ว อยู่ในครรภ์ของคุณแม่ปลอดภัย ไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว
ไม่ต้องทำมาหากิน แต่จากนี้ไปเราต้องเผชิญกับทุกข์ภัยนานาประการเหมือนทุกๆ ชาติ
ที่ผ่านมา ถ้าเราไม่ถูกตั้งชื่อว่าเด็กชายแดง คงไม่มีใครสามารถด่าว่าเราได้ แต่ตอนนี้
เราถูกตั้งชื่อว่า แดง เราเลยกลายเป็นเด็กชายแดง นายแดง ท่านแดง หรือไอ้แดง
เราก็ถูกใส่โปรแกรมต่างๆ โดยระบบภาษาที่มนุษย์สมมุติขึ้นว่าต้องเป็นเด็กดี เป็นคนดี
เป็นคนเก่ง ต้องมีมารยาท ถ้ารวยแล้วจะมั่นคง ถ้าสะดวกสบายแล้วจะมีความสุข
ถ้าชนะแล้วก็คือสิ่งที่ดี ถ้าแพ้และเสียเปรียบแล้วจะไม่ดี แดงถูกอัดก๊อบปี้จนกลายเป็นหุ่นยนต์
ไม่กล้าที่จะคิดนอกกรอบ จนเกิดความหวาดกลัวไปหมด สิ่งปรุงแต่งทั้งหลาย
ซึ่งถูกบันทึกไว้ในจิตสำนึกกลายเป็นอัตตาตัวตนขึ้นมา กั้นบังสัญชาติญาณเดิมจน หมดสิ้น
สิ่งปรุงแต่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้จิตไปติดบ่วงกลายเป็นอุปสรรค เป็นสิ่งขวางกั้นทางเดินของจิต
จึงต้องมาเขย่า กะเทาะ ละลาย พฤติกรรมเหล่านี้ ให้เบาบางลง จิตจึงสามารถเดินทางต่อไปได้