“ จากความชัดเจนในตัวเอง สู่ความเข้าใจในตัวเอง ”
ก่อนเคยภูมิใจมาก แต่เล็กมามีจุดยืนของตัวเองชัดเจน ไม่ตามกระแสอะไรง่ายๆ เชื่อว่าหลายคนคงเป็นเหมือนกัน ซึ่งแน่นอนว่าถึงแม้จะทราบตัวเองเป็นคนอย่างไร จะทำอะไรต่อไป แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะพอใจกับภาวะอารมณ์หรืออุปนิสัยบางอย่างที่รู้ดีว่าควรปรับปรุง ลึกๆก็ไม่อยากเป็นเช่นนั้น แต่เปลี่ยนสัญญาเก่าไม่ได้ ทางเดียวที่พอจะเห็นผลก็คือ “ฝืน”
เป็นบุญของนุชที่มีคุณแม่คอยสนับสนุนในทางพระพุทธศาสนามาตลอด เป็นบุญที่ได้ปฏิบัติธรรมกับพ่อครูบัญชา ตั้งวงศ์ไชย และพระมหาสีไพร ได้ทราบว่าอดีตตัวเองเคยเป็นใคร ผ่านเรื่องราวอะไรมาบ้าง และส่งผลถึงปัจจุบันอย่างไร นี่คือความชัดเจนในตัวเองที่มาสู่ความเข้าใจในตัวเอง เพราะได้ตระหนักถึงต้นสายปลายเหตุอันเป็นปัจจัตตัง ความทรมานซึ่งเกิดจากอารมณ์ที่ต้องคอยฝืนนั้นจางไปแล้ว และสามารถกำหนดได้ว่าปัจจุบันเราจะเลือกเป็นคนอย่างไร
นี่คือ “ความเป็นตัวของตัวเองที่แท้จริง”
คุณทราบมั้ย คุณมีบารมีมากนะที่วันนี้ได้พบกับพ่อครูบัญชาผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา การปฏิบัติอาจจะดูเหนื่อยสักหน่อย แตกต่างวิธีที่คุณเคยพบไปบ้าง แต่ขอให้ผู้มีใจกว้างและเชื่อในหลักกาลามสูตรทดลองดูก่อนนะคะ ตอนที่เล่าประสบการณ์อยู่นี้ยังไม่มีโอกาสเยือนศูนย์พลาญข่อยด้วยซ้ำ แต่ได้พบกับพ่อครูเมื่อคราวที่บวชเนกขัมมะจารินีพ.ศ. 2549 และพ.ศ. 2550 วัดสุทธาวาส จังหวัดเพชรบุรี สถานที่ก็มิได้อำนวยเหมือนที่ศูนย์ฯ อาศัยความชัดเจนในตัวเองที่กล่าวมานั้น เห็นแล้วว่าตัวเองชอบ กอปรกับเคยรู้สึกถึงแรงเหวี่ยงในตัวมาบ้างแล้ว (แต่ตอนนั้นยังไม่ทราบว่าคืออะไร) จึงมุ่งมั่นปฏิบัติมาตลอด ได้ปลดปล่อยอารมณ์ ชดใช้วิบาก และอะไรอีกหลายอย่าง เหนื่อยมากแต่ก็ตั้งใจทุ่มเต็มที่ ใครเริ่มฝึกใหม่ๆ กำลังหมดแรงก็อย่าเพิ่งท้อนะคะ
วันแรกที่ได้พบพ่อครูบัญชาและทราบว่าการปฏิบัติวิธีนี้ก็ช่วยให้หายจากโรคต่างๆได้ นุชรีบโทรไปชวนเพื่อนคนหนึ่ง จำได้ว่ายังไม่ทันเล่ารายละเอียดอะไรเลย ก็พูดกับเพื่อนประโยคแรกอย่างตื่นเต้นและดีใจล่วงหน้าแทนเพื่อนไปหมดแล้วว่า “แก…ต่อไปนี้แกจะหายแล้วนะ!!!” หากคุณเป็นคนหนึ่งที่สุขภาพไม่ดี อย่าน้อยใจตัวเองเลยที่ไม่แข็งแรงเหมือนคนอื่นเขา คุณโชคดีที่สุดแล้ว ความป่วยไข้นั่นต่างหากค่ะ ที่แนะนำคุณมาพบกับพ่อครูบัญชาบนเส้นทางแห่งการสร้างบารมี ไม่เห็นทุกข์ก็ไม่เห็นธรรมใช่มั้ยล่ะคะ ตอนนี้นุชเองก็อยากบอกกับคุณเหมือนที่พูดกับเพื่อนเช่นกัน อนุโมทนาด้วยค่ะ
สำหรับน้องๆ วัยรุ่นที่ปัจจุบันใช้ศัพท์เก๋ๆว่า “กำลังค้นหาตัวเอง” (หรือชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วก็ดี) ประสบการณ์ในชีวิตจริงที่ลองผิดลองถูกอยู่นั้นอาจสอนได้ในเรื่องทางโลก แต่ถ้าพลาดแล้วบางครั้งอาจกลับไปแก้ไขไม่ได้เลยนะคะ ลองหยุดถามใจดูว่า “ตัวเอง” เราจะต้องดิ้นรนแสวงหาที่ไหนหรือ? การปฏิบัติธรรมนั้นเป็นทางที่ไม่กี่คนนักหรอกที่จะเล็งเห็นและก้าวเข้ามาบนถนนสายนี้ วันหนึ่งที่น้องเป็น “ตัวของตัวเอง” วันนั้นจะทราบว่า “เป็นตัวของตัวเอง” ในพจนานุกรมทางโลกนั้นเขาบัญญัติเกินความหมายไปมากทีเดียว เมื่อพบทางสว่างนี้แล้วก็รีบคว้าไว้นะคะ สังคมทุกวันนี้มีแต่ค่านิยมลวง ไร้สาระ และจ้องหาผลประโยชน์จากกันอย่างร้ายกาจ คนที่สามารถครองสติและเข้มแข็งเท่านั้นที่จะดำรงอยู่ได้
หวังว่าจะได้พบ และคุยกันต่อที่ศูนย์พลาญข่อยนะคะ