การปฏิบัติธรรมทั้งหมดทั้งมวลล้วนเกี่ยวเนื่องกับจิตและความคิดทั้งนั้น
ปฏิบัติเพื่อให้เข้าใจตัวรู้ของจิตที่อยู่ในความคิด ความคิดเป็นบ่อเกิดให้จิตสั่นไหว
ใครพูดดีก็ดีใจ ใครพูดไม่ดีก็ไม่พอใจ ที่เราปฏิบัติก็เพื่อให้เห็นและรู้เท่าทันความคิดของตัวเรานี้เอง
พอเห็นความคิดของเราแล้วก็สามารถอบรมจิตได้ ส่วนคำว่า โกรธ ดีใจ เสียใจ
ก็เป็นเพียงแค่ปกติสมมุติโลกที่มาปรุงแต่งจิต อาการของผู้ที่อยู่บนโลกก็ต้อง
ถูกเสียดสีเป็นเรื่องธรรมดา ใครๆ ก็โดนนินทากันทั้งนั้น ยิ่งดีเท่าไร ก็ยิ่งมีคนอิจฉา
ถ้ารู้เท่าทันและเห็นความจริงทั้งหมด จิตมันก็จะเฉยๆ อาการปรุงแต่งให้ดีใจเสียใจยังคงอยู่
แต่จิตมันรู้เท่าทัน ไม่หลงไปตามการปรุงแต่ง เราทุกคนไม่ได้อยู่บนโลกนี้ด้วย
อาการทรงของสมาธิตลอดเวลา เมื่อมีสิ่งที่มากระทบ จิตย่อมสั่นไหวตามการปรุงแต่งได้เป็นเรื่องธรรมดา
เหมือนเราโยนหินลงไปในน้ำ น้ำย่อมกระเพื่อมแน่นอน บางบ่อมันกระเพื่อมแล้วมันสงบเร็ว
บางบ่อโยนไปสามวันแล้วน้ำยังกระเพื่อมอยู่เลย ใครมาด่าก็เหมือนการโยนหินไปในน้ำ
น้ำย่อมกระเพื่อมไปตามแรงที่โยน แต่บ่อไหนที่มันกระเพื่อมแป๊บเดียวแล้วมันนิ่ง
ก็เหมือนจิตที่ได้รับการฝึกอบรมสมาธิมานั่นเอง เหนือไปกว่านั้น อย่าไปดูแต่ตอนที่จิตเกิดโทสะ
ต้องดูตอนที่จิตมันปรุงตอนดีใจด้วย เพราะจิตมันก็โดนลากไปเหมือนกัน แต่มันไม่รู้ตัว
อ. บูรพา ผดุงไทย